ช่วงล่างแบบใหม่ ใส่ยางรถเก๋ง แน่นหนึบ นุ่มเงียบ ทุกเส้นทาง
รถกระบะ เป็นอะไรที่คู่กับคนไทยยาวอย่างนาน ด้วยเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายรูปแบบไม่เพียงแค่ใช้สำหรับบรรทุก แต่รถกระบะสมัยนี้เป็นรถที่ตอบโจทย์ทั้งการเดินทางแบบครอบครัว หรือใช้เพื่อเดินทางในชีวิตประจำวันไปแล้ว การที่จะมีรถกระบะส่วนบุคคลดีๆ สักคัน ต้องตอบโจทย์ทั้งในเรื่องการขับขี่ ความประหยัด รวมถึงปัจจัยเรื่องปกป้องช่วยเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยเช่นกัน
ครั้งนี้ค่ะ LadyDriveThailad จึงได้มีโอกาสไปสัมผัสรถกระบะ ยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่น ที่เรียกว่า มีตำนานมาหลายทศวรรษกับกระบะขวัญไทยคนไทยอย่าง TOYOTA Hilux โดยล่าสุด TOYOTA Hilux REVO-D มีการปรับใหม่ เพิ่มความคุ้มค่า น่าใช้ ตอบสนองทุกรูปแบบการใช้งานรถกระบะ 4 ประตู REVO D ตอบโจทย์การใช้งานส่วนบุคคล และต่อยอดความสำเร็จจากความเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะบรรทุกใช้งานเชิงพาณิชย์ด้วย Standard Cab ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ พร้อมความครบครันสวยงาม สะดวกสบาย และสมรรถนะในการใช้งาน
สำหรับรถยนต์ที่ได้ลองขับในคราวนี้เป็น TOYOTA Hilux REVO-D 4 ประตู Z-Edition (Lo-Floor) เป็นรถที่เน้นตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น และคนทำงานกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งเน้นการใช้รถในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทาง มาทำงาน และการใช้ชีวิตสันทนาการหลังเลิกงาน เพื่อเพิ่มความสนุกสนาน เกาะถนนหนึบ นุ่มนวล และความสบายในการขับขี่มากยิ่งขึ้น สิ่งที่ปรับเปลี่ยนใหม่ ไฮไลท์คือ
– เพิ่มชุดช่วงล่างใหม่ GR-Sport ที่ลดความสูงของช่วงล่างลง 23 มิลลิเมตร
– ปรับขนาดล้ออัลลอยด์จากเดิม 16 เป็น 17 นิ้ว
– เปลี่ยนใช้ยาง Radial สมรรถนะสูงขนาด 215/55R17
– แผ่นกรองระบบปรับอากาศรองรับ PM 2.5
TOYOTA Hilux REVO-D แรงสั่งได้ แต่ประหยัดน้ำมันสุด กับเครื่องยนต์ GD 2nd Generation Super Power โดยในรุ่นที่ทดสอบเป็นสเปคเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร แรงม้าสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,000 รอบต่อนาที (เกียร์อัตโนมัติ) และ 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 – 2,800 รอบต่อนาที (เกียร์ธรรมดา) ระบบช่วงล่างที่เปลี่ยนใหม่แบบ Super Flex Suspension ของ GR-Sport ชุดช่วงล่างระดับตำนาน Motorsport GR-Sport ผลลัพธ์ที่ได้คือ เพิ่มความนุ่มนวล เกาะถนน ลดอาการโคลงของตัวรถ ทรงตัวดีขึ้นควบคุมบังคับแม่นยำขึ้น ตอบสนองการขับขี่ที่นุ่มหนึบแบบรถเก๋ง และยังมีโหมดเปลี่ยนการขับขี่ได้ ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสเลือกได้ทั้งโหมดประหยัด และสมรรถนะสูง
ดีไซน์ ทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสาร เน้นการจัดวางที่เน้นการใช้งานเป็นหลัก ขนาดและมิติของตัวรถ 5,285 x 1,855 x 1,700 มิลลิเมตร (ยาวxกว้างxสูง) โดดเด่นด้วยกระจังหน้าสีดำเมทัลลิกขนาดใหญ่ ให้ความเท่ คม สปอร์ต ด้านข้างล้อลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว และเปลี่ยนมาใช้ยางเรเดียลแบบเดียวที่ใส่ในรถเก๋งขนาด 215/55R17 เพื่อความนุ่ม เงียบ มากขึ้น ด้านท้ายออกแบบสอดรับกับการดีไซน์ด้านหน้า ที่โดดเด่นด้วยไฟท้ายขนาดใหญ่ มีมือจับประตูท้ายแบบโครเมียมน้ำหนักเบา
ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ กว้างขวาง ประตูเปิด-ปิด ขนาดใหญ่ เข้าออกง่าย ได้ทุกไซส์ ช่องเก็บของด้านหน้ามีการออกแบบให้สามารถวางเครื่องดื่ม เพื่อรักษาความเย็นได้ มีกุญแจรีโมทดีไซน์ให้พับเก็บได้ เพื่อความสะดวกสบายในการจัดเก็บ และความทันสมัยแบบเดียวกับรถเก๋ง รวมไปถึงกระจกไฟฟ้า ปรับขึ้น-ลง อัตโนมัติ ที่มาพร้อมระบบป้องกันการหนีบ (ฝั่งคนขับ) อีกด้วย
ส่วนเรื่องของระบบความปลอดภัยมีมาให้มากมาย ทั้ง ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบเสริมแรงเบรค BA ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC ะบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
ไม่เพียงเท่านี้ TOYOTA Hilux REVO-D ทุกรุ่น ติดตั้งระบบ T- Connect เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ทันสมัย สามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ รองรับทั้งระบบ Apple Carplay & Android Auto มาให้ด้วยค่ะ
Comment : หลังจากที่ได้มีโอกาสลองขับแล้ว รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ในเรื่องของการเข้าโค้ง ที่ให้ความยึดเกาะดีขึ้น อาการโครงของตัวรถมีความน้อยลง คงจะมาจากที่มีการปรับเซ็ตช่วงล่างแบบใหม่ และย่อทรง ให้ตัวรถมีขนาดที่เตี้ยลง ทำให้ฟิวส์การขับขี่ มีการถ่ายเทน้ำหนัก ในระหว่างเข้าโค้งต่างๆ ทำได้ดี ระดับองสาการจับพวงมาลัยเป็นสิ่งที่คุณผู้หญิง ไม่ควรละเลย หากเรานั่งดีแล้ว แต่จับพวงมาลัยสูงไป ก็คงไม่เหมาะสม มาในกระบะของ REVO-D มีการปรับองศาได้ถึง 4 ทิศทาง เรียกว่ารองรับการนั่งและการจับพวงมาลัยให้องศาที่สัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี อรรถประโยชน์อื่นๆ ไม่ว่ารุ่นไหนๆ ของ Hilux REVO ทำออกมาได้ดี เข้าใจลักษณะการใช้งานของผู้ขับขี่ได้ดี ทั้งเรื่องจุดตำแหน่งจัดวางต่างๆ ที่ชอบคือ เรื่องตำแหน่งการวางแก้ว และปุ่มควบคุมต่างๆ จัดวางได้อย่างเหมาะสม
ส่วนในเรื่องของความประหยัดและสมรรถนะ ตอบโจทย์ การขับขี่แบบผู้หญิงอย่างเราๆ ได้สบายๆ เรื่องของแรงม้า และแรงบิด ที่ให้มาแบบเหลือเฟือ จะเร่งแซง ออกตัว เข้าโค้ง ทำได้สบายๆ เพราะสมัยนี้ยุคนี้ ไม่มีข้อจำกัดแล้วค่ะ ว่ากระบะนั้นขับยาก กินน้ำมัน หลังจากที่ได้มีโอกาสขับจริงผ่านการใช้งานจริงๆ พิสูจน์แล้วค่ะว่า ดีงามเกินคาด
แถมทิ้งท้ายในช่วงที่ได้ไปสัมผัสเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบ ทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ยังได้มีโอกาสบรรทุกข้าวสารกว่า 100 กิโลกรัม ไปส่งมอบให้เป็นสาธารณประโยชน์ให้กับเด็กๆ ที่โรงเรียนหมูสี ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาอีกด้วย งานนี้เรียกว่าจะบรรทุกทั้งงานเบา งานหนักกว่านี้อีกแค่ไหน ก็เดินทางได้สบายๆค่ะ