นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย เปิดเผยถึงความสำเร็จของแบรนด์ Audi ในประเทศไทย ที่ตลอดระยะเวลา 8 ปี ของการดำเนินงานได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม โดยสามารถสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าทั้งด้านงานขายและงานบริการหลังการขาย ส่งผลทำให้ยอดจำหน่ายยนตรกรรมอาวดี้เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่า ในปีที่ 8 ของการดำเนินงาน อาวดี้ ประเทศไทย ยังคงยึดมั่นนโยบายหลักที่มุ่งเน้นยกระดับคุณภาพมาตรฐาน คุณภาพผลิตภัณฑ์ และคุณภาพการบริการหลังการขายให้เป็นไปตามมาตรฐานของ AUDI AG พร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับด้วยยนตรกรรม Audi รุ่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าทุกกลุ่ม ขณะที่ในด้านบริการหลังการขายก็มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า โดยนอกจากลงทุนเทคโนโลยีและการพัฒนายกระดับคุณภาพบุคลากรให้งานบริการหลังการขายมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเดินหน้าขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยล่าสุดได้เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรที่หาดใหญ่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในภาคใต้ตอนล่าง
“ด้วยความแข็งแกร่งแบรนด์ Audi ตลอดจนทีมบุคลากรคุณภาพ ที่พร้อมส่งมอบยนตรกรรมเปี่ยมคุณภาพและการบริการหลังการขายระดับพรีเมียม ส่งผลทำให้ อาวดี้ ประเทศไทย ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจของลูกค้าชาวไทย ยืนยันได้จากยอดจำหน่ายยนตรกรรม Audi ที่เป็นอันดับ 1 ของกลุ่มประเทศในอาเซียนในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะยังคงรักษาตำแหน่งในปีนี้อีกด้วย”
กลยุทธ์การตลาดสำคัญที่ส่งผลทำให้แบรนด์อาวดี้มีความแข็งแกร่ง คือ กลยุทธ์ขับเคลื่อนด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย หรือ (Driving perfection for every lifestyle) โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย กล่าวว่า การที่มี Product Portfolio ที่พร้อมตอบสนองลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมาย เป็นนโยบายที่ อาวดี้ ประเทศไทย ให้ความสำคัญ ซึ่งจากการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก AUDI AG ทำให้บริษัทฯ สามารถนำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีความหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกตอบโจทย์ความต้องการถึง 19 Body type 38 รุ่นย่อย ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV – e-tron), ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV), เครื่องยนต์สันดาป (Combustion Engine) รถในตระกูลสมรรถนะสูง (High Performance – RS)
อีกบทพิสูจน์สะท้อนนโยบายและความมุ่งมั่นในการนำเสนอสุดยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เปิดตัว Q6 เอสยูวีไฟฟ้าเจเนอเรชั่นล่าสุดไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุด อาวดี้ ยังมีแผนที่จะนำ Audi Q7 ยนตรกรรม SUV ระดับพรีเมียมที่ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และความหรูหราที่เหนือระดับ มาเปิดตัวในประเทศไทย ในงาน Motor Expo ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน นี้
สำหรับความโดดเด่นของยนตรกรรม Audi Q7 ใหม่ นอกจากจะได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับทุกการเดินทาง ยังเป็นยนตรกรรมที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของอาวดี้ในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่เหนือชั้น ด้วยสมรรถนะ ความแรงและประสิทธิภาพระดับพรีเมียม Q7 TFSI e quattro S line edition one ซึ่งเป็นเอสยูวี 5 ที่นั่ง จึงตอบโจทย์ทุกการใช้งานของครอบครัวยุคใหม่ โดยQ7 TFSI e quattro S line edition one มาพร้อมขุมพลังที่เหนือชั้นกับเครื่องยนต์เบนซิน V6 พร้อมระบบเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และเมื่อทำงานร่วมกับระบบ Plug-in Hybrid จะให้กำลังรวมสูงสุดถึง 394 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลที่ 600 นิวตันเมตร
Q7 TFSI e quattro S line edition one ยังให้ความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ quattro เร่งแรงทันใจ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 5.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 240 กม./ชม. ความเหนือชั้นและความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารของ Audi Q7 ตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียม และการออกแบบที่พิถีพิถัน พร้อมพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง ตอบโจทย์ทั้งครอบครัว โดยมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 1863 ลิตร
สุดยอดไฮไลท์ของยนตรกรรมQ7 TFSI e quattro S line edition one ยังรวมถึงโลโก้ใหม่ 2 มิติ สวยทันสมัยเข้ากับกระจังหน้าลายใหม่ ไฟหน้า ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ กันชนหน้า กันชนหลัง ดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วย S line ล้ออัลลอยสีดำลายใหม่ขนาด 21 นิ้ว พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดงหน้า-หลัง เพิ่มความจุพลังงานแบตเตอรีไฟฟ้าลิเธียมไอออนเจเนอเรชั่นล่าสุด ขนาด 25.9 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มระยะทางวิ่งไฟฟ้าเป็น 71.1 กิโลเมตร (WLTP) และให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 55.6 กม./ลิตร
ในด้านความปลอดภัยQ7 TFSI e quattro S line edition one ได้รับการพัฒนาและติดตั้งเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีระบบช่วยเหลือการขับขี่ ที่เยี่ยมยอดครบครัน ประกอบด้วยระบบควบคุมความเร็วแปรผัน และรักษาระยะห่างด้านหน้า (Adaptive cruise control with Stop&Go function) ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane departure warning) ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane change warning) ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อจะเปิดประตูลงจากรถ (Exit warning) ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (Rear cross-traffic assist) ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุแบบพื้นฐานด้านหน้าและด้านหลัง (Audi pre sense basic, front, and rear) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround cameras)
Q7 TFSI e quattro S line edition one เปิดตัวในราคา 4,799,000 บาท มีทั้งหมด 5 สี คือ Daytona Grey Pearl Effect, Glacier White metallic, Mythos Black metallic, Waitomo Blue metallic, Satellite Silver metallic พบกับตัวจริงของ Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one ได้ก่อนใครที่บูธ Audi ในงาน Motor Expo ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ติดตามข่าวสารและข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟของอาวดี้ได้ที่: Facebook / Instagram: Audi Thailand และ เว็บไซต์: www.audi.co.th
Audi เป็นรถยนต์นำเข้าประกอบนอกทั้งคัน คุณภาพมาตรฐานเยอรมันทุกรุ่น ควบคู่กับนโยบายการเสนอ ยนตรกรรมรุ่นใหม่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้า อีกนโยบายสำคัญที่สร้างความพึงพอใจและให้ความมั่นใจลูกค้า ส่งผลทำให้แบรนด์ อาวดี้ สามารถเข้าไปนั่งใจลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่นและยาวนาน คือ คุณภาพบริการหลังการขายระดับพรีเมียมโดยลูกค้าที่ออกรถอาวดี้ทุกรุ่นไม่เพียงได้รับการดูแลจาก Audi Protection การรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน รถไฟฟ้า e-tron และรถ Plug-in Hybrid TFSI e Audi ใหม่ทุุกรุ่น รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน แต่ยังได้รับการบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี สร้างความสบายใจและความมั่นใจให้ลูกค้าตลอดการใช้งาน
สำหรับคุณภาพบริการหลังการขายระดับพรีเมียมที่ อาวดี้ ประเทศไทย มอบให้ลูกค้าประกอบด้วย ฟรีบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ฟรีบริการยก/ลากรถไปยังศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของ Audi Thailand ภายในระยะทาง 50 กิโลเมตร หรือไปยังสถานที่อื่นที่สมาชิกต้องการภายในระยะทาง 35 กิโลเมตร (ส่วนต่างคิดค่าบริการกิโลเมตรละ 25 บาท สมาชิกเป็นผู้รับผิดชอบค่าบริการส่วนต่าง) ฟรีบริการให้คาปรึกษาทางด้านเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่เกิดรถเสียฉุกเฉิน ฟรีบริการรับกุญแจสำรองกรณีล็อครถโดยไม่ตั้งใจ เจ้าหน้าที่จะประสานงานเพื่อนำกุญแจสำรองมาให้ ณ จุดเกิดเหตุภายในระยะทาง 20 กิโลเมตร (กรณีที่เกินกว่า 20 กิโลเมตร คิดค่าบริการกิโลเมตรละ 25 บาท กรณีที่ต้องการใช้ช่างกุญแจที่มีความชำนาญเพื่อหาวิธีการเข้าไปในรถนั้น จะต้องได้รับความยินยอมจากสมาชิกก่อน ค่าใช้จ่ายสำหรับช่างกุญแจจะรวมอยู่ในบริการ) กรณีเกิดเหตุน้ำมันหมดฉุกเฉินไม่สามารถขับเคลื่อนได้ เจ้าหน้าที่จะจัดส่งน้ำมันไม่เกิน 10 ลิตร/ครั้ง/ปี เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนไปยังสถานีน้ามันที่ใกล้ที่สุดได้ (หากเกิดเหตุมากกว่า 1 ครั้งต่อปี ครั้งต่อไปฟรีค่าประสานงาน สมาชิกเป็นผู้รับผิดชอบค่าน้ำมัน)