เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นผู้นำในฐานะแบรนด์รถยนต์ลักชัวรี่ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของ “Best Global Brands 2023” หลังครองอันดับ 8 มานานกว่า 5 ปีซ้อน ในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 7 พร้อมมูลค่าแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 9% สะท้อนถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของบริษัท สู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับไอคอนิกที่สร้างความประทับใจในทุกมิติ ทั้งสุนทรียภาพด้านการออกแบบ เทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก รวมถึงความยั่งยืนแห่งโลกอนาคต
Bettina Fetzer รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี กล่าวว่า “การเติบโตด้านมูลค่าของแบรนด์ในปีนี้ เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นของทีมงาน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทุกคน ผลลัพธ์ที่ออกมาคือสิ่งที่การันตีความสำเร็จและเป็นแรงผลักดันให้แก่พวกเราทุกคน โดยเรากำลังต่อยอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง กับเป้าหมายแห่งการเป็นแบรนด์รถยนต์อันเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก”
จากการพัฒนาและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในปี 2564 ค่านิยมของแบรนด์ก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน นับจากนี้เป็นต้นไป เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมยึดมั่นในหลักการ “Desire for Iconic Luxury” เพื่อมุ่งสู่โลกอนาคตอย่างไร้รอยต่อ โดยบริษัทได้รวมคุณลักษณะสองประการเข้าด้วยกัน ประการแรกคือ รากฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ระดับลักชัวรี ซึ่งได้สร้างรถยนต์ไอคอนิกที่มาพร้อมนิยามความแตกต่างแต่ละสไตล์ในหลากหลายตระกูล ประการที่สองคือ จิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่ได้ขับเคลื่อนการพัฒนารถยนต์ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะเวลานี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะให้ความสำคัญถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรและการพัฒนารถยนต์อย่างพิถีพิถัน ในขณะที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยมีเป้าหมายหลักคือ การมุ่งสู่โลกยุคดิจิทัลด้วยการสร้างยนตรกรรมและบริการอันเป็นที่ต้องการมากที่สุดในระดับโลก
“Best Global Brands” เป็นตัวชี้วัดของแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2542
Interbrand บริษัทที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ของสหรัฐฯ ได้ทำการวิจัยและวิเคราะห์แบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2542 โดยนำเสนอ 100 อันดับแรกที่ได้รับการจัดอันดับประจำปี
ให้เป็น “Best Global Brands” โดยมีวิธีประเมินมูลค่าแบรนด์ในการจัดอันดับตามหลักเกณฑ์ 3 ประการ ได้แก่ ประสิทธิภาพด้านการเงินหรือบริการของแบรนด์ (Financial performance of the brand’s products or services) บทบาทของแบรนด์ต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค (Role of the brand in the purchase decision process) และความแข็งแกร่งของแบรนด์ในการรับประกันผลกำไรในอนาคต (Securing the company’s future earnings) โดย Interbrand เป็นบริษัทแรกที่พัฒนาวิธีการประเมินที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 10668 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่นำมากำหนดเกณฑ์ในการประเมินและการจำแนกแบรนด์อย่างแม่นยำ